การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี ชวนรู้จักมรดกโลก แห่งที่ (8)ของไทย และเป็นแห่งที่ (2) ของจังหวัดอุดรธานี (ถือเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มี 2 มรดกโลก) โดยองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศรับรองให้ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ลำดับที่ 5 ของไทย อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2567
นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานอุดรธานี ได้กล่าวว่า การที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี จะส่งผลให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานีมากยิ่งขึ้น สร้างการรับรู้ เกี่ยวกับประเทศไทย และจังหวัดอุดรธานีเพิ่มมากขึ้น เป็นจังหวัดเดียวที่มีมรดกโลกทางวัฒนธรรมตั้งอยู่ถึง 2 แห่ง เรียกได้ว่า “มาอุดรธานีที่เดียว เที่ยวได้ถึง 2 มรดกโลก” โดยประเทศที่ให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวในจังหวัดอุดรธานี คือ สหรัฐอเมริกา 🇺🇸เกาหลี🇰🇷 สิงคโปร์ 🇸🇬และจีน 🇨🇳 ซึ่งเป็นโอกาสในการนำไปสู่การท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว ที่สำคัญ คือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
และ ททท.สำนักงานอุดรธานี ก็ได้กระตุ้นการตลาดและการประชาสัมพันธ์ โดยจัดกิจกรรม AET/MET (Agent/Media Educational Trip) นำสื่อมวลชนและผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว เดินทางมาทดสอบเส้นทางท่องเที่ยว พร้อมเก็บภาพบรรยากาศ ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มรดกโลกแห่งล่าสุดของประเทศไทยและจังหวัดอุดรธานี เพื่อนำไปจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวเสนอขาย และทำการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ตามช่องทางต่างๆ ทั้ง online และ off line ซึ่งจะทำให้เกิดการเดินทางมายังจังหวัดอุดรธานี ในช่วงเดือนสิงหาคม และเป็นการเตรียมการเพื่อเสนอขาย และประชาสัมพันธ์ในช่วงเทศกาลออกพรรษา
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน บ้านติ้ว ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นอุทยานทางธรณีวิทยา ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศที่มีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทราย ถูกการกัดกร่อนทางธรรมชาติทำให้เกิดเป็นเพิงโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่าง ๆ ทั้งยังปรากฎร่องรอยอารยธรรมของมนุษย์และหลักฐานเกี่ยวกับผู้คนในอดีต ที่เวียนเปลี่ยนกันมาใช้พื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ราว ๆ 3000 ปี จนถึงปัจจุบัน บริเวณอุทยานฯ มีสถานที่โดดเด่นน่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่ “หอนางอุสา” โขดหินโดดเด่นเป็นสง่าขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเห็ดบนลานหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีการปักใบเสมาหินขนาดใหญ่ล้อมรอบ นอกจากนี้ ถ้ำและเพิงหินที่ตั้งกระจายอยู่ทั่วไปในบริเวณอุทยานฯ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นที่พำนักของมนุษย์ในยุคหิน และได้มีการเขียนรูปต่าง ๆ ไว้ พบมากบริเวณ “ลานหินโนนสาวเอ้” ที่มีภูมิทัศน์ทางธรรมชาติเป็นเพิงหินต่าง ๆ มีภาพเขียนสีโบราณตามจุดต่าง ๆ ทำให้มนุษย์รุ่นหลังได้จินตนาการผูกเรื่องขึ้นเป็นตำนานพื้นบ้าน เรื่อง “นางอุสา-ท้าวบารส” ที่เชื่อมโยงไปยังเพิงหินบริเวณใกล้เคียง เช่น กู่นางอุสา คอกม้าท้าวบารส วัดลูกเขย วัดพ่อตา ถ้ำพระ นอกจากนี้ ยังพบหินทรายจำหลักพระพุทธรูปศิลปะทวารวดีที่เพิงหินวัดพ่อตาและเพิงหินวัดลูกเขย และชิ้นส่วนของหลักเสมา (สีมา) ที่เป็นวัฒนธรรมอันโดดเด่นแห่งยุคทวาราวดี ที่ยังคงอยู่และปรากฏสู่สายตาถึงยุคปัจจุบัน ถือเป็นคุณค่าแห่งมรดกทางวัฒนธรรมจนถูกประกาศเป็นมรดกโลกในปี 2567
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท โทร. 042 219 838 และททท.สำนักงานอุดรธานี โทร. 042 325 407 และ Facebook Fanpage ททท.สำนักงานอุดรธานี-TAtUdon
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ