วันอังคาร, 1 กรกฎาคม 2568

โฆษก กทม.แจง ประกาศปิดพื้นที่เพิ่มเติม และอนุโลมให้เปิดบริการไปรษณีย์ให้ห้าง โรงอาหารในสถานพยาบาล และขายดอกไม้สด เพิ่มเติม

27 มี.ค. 2020
531

วันนี้ (27 มี.ค. 63) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “COVID-19” โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร นายณัฐภานุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก แถลงรายละเอียดการมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครได้พิจารณาประกาศปิดสถานที่เพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้แก่ 1. สนามแข่งขัน เช่น สนามแข่งขันนกพิราบ ทุกสนามที่มีการแข่งขันทั้งคนและสัตว์ 2. สนามเด็กเล่น ในสวนสาธารณะและหมู่บ้าน 3. สถานที่แสดงมหรสพหรือมีการแสดง เช่น ลานแสดงดนตรีในพื้นที่สาธารณะ 4. พิพิธภัณฑ์สถาน และ 5. ห้องสมุด โดยขยายคำสั่งจากเดิมประกาศถึงวันที่ 12 เม.ย. 63 เป็น 30 เม.ย. 63 ต่อมาคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครได้พิจารณาปิดและอนุโลมเปิดสถานที่เพิ่มเติมโดยกรุงเทพมหานคร ดังนี้ สถานที่ประกาศปิด 1. ห้องประชุม/ห้องจัดเลี้ยงภายในโรงแรม สถานที่จัดเลี้ยงไม่ว่าจะในหรือนอกโรงแรม  2. โต๊ะสนุกเกอร์และบิลเลียด 3. สถานรับเลี้ยงเด็กของรัฐและเอกชน ยกเว้นสถานรับเลี้ยงเด็กในโรงพยาบาล และ 4. คลินิกเวชกรรมส่วนที่เสริมความงาม  สำหรับสถานที่ที่อนุโลมให้เปิด 1. โรงอาหารในสถานพยาบาล โดยให้จัดเว้นระยะห่างและรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด 2. ตลาดสดหรือตลาดนัดที่ขายอนุญาตให้ขายดอกไม้เพิ่มได้  3. หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจในห้างสรรพสินค้า เช่น ไปรษณีย์ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว (Passport) ประกาศฯ มีผลในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 63 ยกเว้นสถานรับเลี้ยงเด็ก ให้มีผลวันที่ 31 มี.ค.63 มีผลถึง 30 เม.ย. 63 ทั้งนี้ โฆษกกรุงเทพมหานคร เข้าใจถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนที่พี่น้องประชาชน แต่ต้องขอให้ร่วมมือกันเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ให้ได้โดยเร็ว

จากนั้น นายณัฐภานุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงขอให้ชาวต่างประเทศทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการจาก พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้แก่ การอยู่บ้าน ลดการเดินทาง เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส– 19  หากมีความจำเป็นจะต้องเดินทางออกนอกอาคาร สถานที่ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และเว้นระยะห่างทางสังคมตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในระยะ 1 เมตรถึง 2 เมตร  รวมถึงได้ประชาสัมพันธ์ถึงสถานที่ที่ยังคงเปิดให้บริการ เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่ที่ปิดให้บริการ เช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น สถานที่แสดงมหรสพ เป็นต้น ทั้งนี้รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังได้ ย้ำอีกว่า ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมมือกันจะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในประเทศไทยได้

ต่อมา นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก  ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบขนส่งสาธารณะ ได้กำชับทุกหน่วยงานเตรียมควบคุมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ที่สอดรับกับ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคุมและยับยั้งการเดินทางของประชาชน ป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19  ดังนั้น ประชาชนที่จะใช้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนขึ้นรถโดยสารและตลอดการเดินทาง  ผู้โดยสารที่เดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดด้วยรถโดยสารสาธารณะ ต้องให้ความร่วมมือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนใช้บริการ และกรอกข้อมูล ตามแบบ ต.8 คค ซึ่งแบบดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญให้ผู้โดยสารต้องระบุข้อมูลที่พักที่สามารถติดต่อได้ โดยกรมการขนส่งทางบกได้สั่งให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง ควบคุมกำกับผู้ประกอบการขนส่งให้จัดเก็บข้อมูลผู้โดยสารทุกคน และจัดส่งข้อมูลให้สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือนายสถานีขนส่งผู้โดยสาร  นอกจากนี้ ยังมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ สถานีขนส่ง ทั้งต้นทางและปลายทาง จะห้ามผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูง เกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียสเดินทางโดยเด็ดขาด   ด้านผู้ประกอบการขนส่ง จะต้องเข้มงวดตรวจสอบห้ามมิให้ผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสารเด็ดขาด จัดหาที่นั่งบนรถโดยสารให้ “เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distance)  เบาะที่นั่งหนึ่งแถวให้มีที่นั่งเดียวหรือเว้นระยะระหว่างคนอย่างน้อย 1 เมตร  เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส  เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค  เช่น ราวจับ ที่จับบริเวณประตูรถ ที่นั่ง ปุ่มกดลิฟต์ และห้องน้ำ  มีแอลกอฮอล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค สำหรับผู้โดยสารภายในรถ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางและบริเวณที่มีการใช้งานร่วมกัน  เช่น บริเวณทางเข้า – ออกสถานี พร้อมได้มีการกำชับให้พนักงานขับรถและผู้ปฏิบัติหน้าที่ระบบขนส่งสาธารณะสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน  เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการของกรมการขนส่งทางบก

โอกาสนี้ นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า กรมการขนส่งทางรางได้บูรณาการความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่งทางรางทุกราย อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย  การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน  รถไฟฟ้าสายสีม่วง ทาง BTS และ Airport Rail Link  จัดทำแผนบริหารจัดการขนส่งทางรางตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแจ้งประชาชนผู้ให้บริการระบบขนส่งทางราง ทั้งรถไฟ และรถไฟฟ้าใต้ดิน จะต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า  พร้อมขอให้ผู้ประกอบการขนส่งทางรางจัดให้มีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการสถานี หากตรวจพบอุณหภูมิที่สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ต้องไปพบแพทย์ก่อน หรือผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ ให้งดเดินทางโดยเด็ดขาด  นับตั้งแต่ที่ได้มีการประกาศ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินได้รับความร่วมมือกับผู้ประกอบการทุกรายได้ดำเนินการในรูปแบบ  Social Distance การเว้นระยะห่างจากบุคคลอย่างน้อย 2 เมตร  ตั้งแต่การเข้าสถานีไปยังในรถ

โอกาสนี้ นายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการรถไฟฟ้าบีทีเอส ยังตอบข้อคำถามถึงมาตรการดูแลให้ความมั่นใจแก่พนักงานและผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส พนักงานจะได้รับแจกหน้ากากอนามัยแบบผ้า ถุงมือ มีการคัดกรองก่อนเข้าปฏิบัติงาน รวมทั้งซื้อประกันให้ ผู้โดยสารจะต้องผ่านการคัดกรองก่อนเข้าสถานี ต้องสวมหน้ากากอนามัย กำหนดจุดยืนซื้อตั๋วและรอเข้าขบวนรถไฟฟ้าห่าง 1.5 เมตร และเว้นระยะห่างที่นั่งในขบวนให้ด้วย ผู้ที่มีบัตรโดยสารแล้วสามารถเติมเงินแบบออนไลน์ได้ ปัจจุบันผู้โดยสารบีทีเอสลดจำนวนลงกว่า 60% แต่รถไฟฟ้ายังคงให้บริการด้วยความถี่และจำนวนขบวนรถเท่าเดิม เพื่อช่วยลดความแออัดของผู้โดยสาร