ธปท.เผยดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจเดือนพ.ค.ฟื้นตัว ส่วนดัชนีฯ 3 เดือนข้างหน้ากระเตื้อง ตามสถานการณ์โควิดที่มีแนวโน้มดีขึ้น เผยกำลังซื้อในประเทศและต่างประเทศยังอ่อนแอ ขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับสินเชื่อไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ

02 มิ.ย. 2020
593

 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพ.ค.2563 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 34.4 จากเดือนก่อนที่อยู่ที่ระดับ 32.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบและในหลายธุรกิจ ทั้งในภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต ยกเว้นกลุ่มผลิตยานยนต์และกลุ่มผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ดัชนีฯ ยังคงลดลงต่อเนื่องและอยู่ในระดับต่ำมาก เนื่องจากการซื้อสินค้าราคาสูงของผู้บริโภคลดลงภายใต้ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ

เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร และกลุ่มขนส่งที่ความเชื่อมั่นลดลงต่อเนื่องและอยู่ในระดับต่ำ จากการที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังกลับมาไม่มาก แม้จะเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown และผู้ประกอบการบางรายยังปิดกิจการต่อ เพราะประเมินว่าไม่คุ้มทุนหากกลับมาเปิดเร็วเกินไป

สำหรับในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 41.1 ตามสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่มีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ยังอยู่ต่ำกว่า 50 ในทุกธุรกิจ สะท้อนว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าภาวะธุรกิจในระยะข้างหน้าจะยังคงแย่ลงจากปัจจุบัน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นในกลุ่มขนส่งที่ลดลงต่อเนื่องและอยู่ในระดับต่ำ คาดว่าจากต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการเว้นที่นั่งระหว่างผู้โดยสาร

ประกอบกับการเดินทางจะยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติจนกว่าจะมีการค้นพบวัคซีน ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่า 1 ปี ส่งผลให้คาดการณ์ผลประกอบการและการลงทุนของธุรกิจแย่ลง ส่วนกลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีความเชื่อมั่นลดลงตามคาดการณ์ค่าสั่งซื้อ ปริมาณการผลิตและผลประกอบการที่ลดลง เนื่องจากในช่วงนี้บางรายได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนบางประเทศที่ปิดประเทศ ทำให้ความต้องการในระยะถัดไปมีแนวโน้มลดลง

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นด้านอื่นๆ พบว่าดัชนีฯด้านสภาพคล่องปรับสูงขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 สะท้อนว่าธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงมีสภาพคล่องลดลงจากเดือนก่อน นอกจากนี้ ธุรกิจส่วนใหญ่ยังได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ส่งผลให้ความกังวลต่อความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจลดลง แต่กำลังซื้อจากทั้งจากในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงกลายเป็นข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ทั้งนี้ การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีก 12 เดือนข้างหน้าทรงตัวที่ 1.5%