สวัสดีค่ะ ทริปนี้พาเดินทางสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวหน้าร้อนที่ขึ้นชื่อของชาวแคเนเดี่ยน และผู้คนของฝั่งทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งหมายถึงประเทศแคนาดา และ ประเทศสหรัฐอเมริกา ชมสีสันหน้าร้อน วิถีชีวิตขนบท ไลฟ์สไตล์ผู้คนเมืองหนาวว่า ใช้ชีวิตอย่างไรในหน้าร้อน ที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัด Ontario ตอนกลางของประเทศแคนาดา นั่นคือเมือง Grand Bend
แคนาดาเป็นประเทศที่มีข้อแตกต่างในเรื่องภูมิประเทศแต่ละภูมิภาคอย่างชัดเจน ด้วยมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเป็นอันดับสองของโลก อย่างทางตะวันตก กับทางตอนกลางเวลาห่างกันถึงสองขั่วโมง จึงไม่แปลกที่ระยะเวลาของฤดูกาลและอุณหภูมิ ก็แตกต่างกันไปด้วย อย่างตอนกลางฤดูร้อนค่อนข้างยาวนานกว่าทางตะวันตก หน้าร้อนอากาศก็อบอุ่นมากกว่า ผู้คนจึงอาศัยหนาแน่นในภาคกลาง ร้อนจริงๆคือช่วง กรกฏาถึงสิงหา เฉลี่ยที่ 20-25 องศา แต่จะพีคสูงถึง 30-35 ก็เพียงไม่กี่วัน และช่วงบ่ายแก่ๆเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ฤดูร้อนจึงเป็นเสมือนช่วงเวลาของความสุข เดินทางท่องที่ยว ครอบครัวเราก็เช่นกัน ในโอกาสต้อนรับเพื่อนสนิทจากจังหวัด อัลเบอร์ต้าทางตอนเหนือที่เราเคยใช้ชีวิตที่นั่นกว่าสามปี ทริปของเราคือ วันเดย์ทริป แวะไปสัมผัสบรรยากาศ พักผ่อนแล้วเดินทางกลับ เพราะระยะทางจากบ้านขับรถเพียงชั่วโมงกว่าๆ ข้อดีที่ได้คือเป็นฤดูกาลผลไม้ เส้นทางผ่าน ฟาร์ม สวนผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะเป็นฤดูชาวสวนเก็บ ลูกพีช แอปเปิ้ล แวะสวนที่เขาเปิดขายได้เลย สดและได้สัมผัสธรรมชาติเต็มๆ บอกเลยว่าฟินมากสำหรับคนชอบทานผลไม้
Grand Bend เป็นเมืองเล็กๆริมชายฝั่งทะเลสาบ Huron หนึ่งในห้าทะเลสาบใหญ่ของจังหวัด Ontario มีฐานะเป็นชุมชนหนึ่งของปริมณทล Lambton การเริ่มต้นของชุมชนมีมาตั้งแต่ปี 1830 โดยชาวอังกฤษและชาวสก๊อตแลนด์ ที่เข้ามาทำธุรกิจซื้อขายกับบริษัท แคนาดาจึงมีการพัฒนาพื้นที่ ตั้งหมู่บ้าน สร้างเขื่อนที่แม่น้ำ Ausable เติบโตกลายเป็นชุมชนใหญ่ สร้างอาชีพ ชาวประมง และค้าท่อนซุง ในปี 1850 มีการสร้างถนนไฮเวย์ผ่านจึงเป็นจุดเริ่มต้นความเจริญเต็มตัว ด้วยความได้เปรียบของที่ตั้งตัวเมืองคือ ขนานกับชายฝั่งทะเลสาบ ที่มีชายฝั่งยาวถึง 66 กิโลเมตร มากกว่า 20 หาดทรายที่เป็นแหล่งพักผ่อน บ้านพักตากอากาศ บังกาโล บ้านเช่าสหรับฤดูร้อนเกิดขึ้นมากมาย เคยมีการโปรโมทผ่านรายการ MTV Show และมีการสร้างภาพยนต์เกี่ยวกับเมืองในปี 2011 จุดเด่นนี้จึงเป็นเสน่ห์ของที่นี่ โดยเฉพาะหน้าร้อน จากผู้คนในเมืองเพียง สองพันคน ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น ห้าพันคน จากนักท่องเที่ยวทั้ง ชาวแคเนเดี่ยน และจากฝั่งประเทศสหรัฐ จากรัฐ มิชิแกน ฟลอริด้า เท็กซัส นิวยอร์ค และชายฝั่งตะวันตกอเมริกา กระจายตามที่พักที่รองรับที่มีชื่อเสียงอย่าง Pine Provincial Park, Oakwood Park, Beach O’ Pines และ SouthCott Pine มีกิจกรรมมากมาย ในวันพักผ่อน ทั้งแบบส่วนตัว หนุ่มสาวและครอบครัว แคมปิ้ง ล่องเรือ ตกปลา เดินป่า กีฬาชายหาด เก๊ตสกี สเก๊ตบอร์ด กระโดดร่มพาราเซล แหล่งช้อปย่านดาวน์ทาวน์ เกมส์ในร่มสนุกๆแบบครอบครัวที่มีเด็ก และนอกเหนือจากกิจกรรมทางธรรมชาติยังมีพิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะ พิพิธภัณฑ์มรดก Lambton รวมถึงมนต์เสน่ห์การแสดงฟรีคอนเสิร์ท ที่นี่มีเวทีแสดงดนตรีสดถึง ห้าแห่ง จัดโชว์อย่างมืออาชีพ กว่า สามสิบสองผู้ผลิต ที่เวียนแสดงทุกเวที ชนิดเสริฟความสุขกันติดหาดเลยทีเดียว หรือแม้แต่ความสุขจากการเลือกกินอาหารท้องถิ่น เที่ยวตลาดผลไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นเสน่ห์และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองหนาวในช่วงหน้าร้อนที่แคนาดา
โดยส่วนตัวถ้าให้เปรียบเทียบหาดทรายของทะเลสาบที่นี่ กับหาดทรายและเกาะเมืองไทย ยังไงบ้านเราก็สวยกว่า แต่ข้อแตกต่างคือ วิถีชีวิตผู้คน ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม อาหาร วัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ทำให้การท่องเที่ยวที่นี่มีคุณค่าและน่าทึ่ง ไม่แปลกที่นักเดินทางมากมายหลั่งไหลมาสัมผัสสีสันที่ Grand Bend Ontario, Canada ลองดูนะคะหากว่าอยากเข้าในในความหมายของคำว่า ความแตกต่างมากขึ้น เพราะโลกไม่กว้างอย่างที่คิด กำไรชีวิตคือการเดินทาง พบกันทริปหน้าขึ้นเหนือทางตะวันตกที่ Kananaskit สวัสดีค่ะ