วันเสาร์, 25 มกราคม 2568

เที่ยวไกลในต่างแดน….ตอน : The Thousand Islands-โดย DJ. ณิชา-

สวัสดีค่ะ วันนี้ทริปของเราเป็นการท่องเที่ยวในฤดูร้อนช่วง ไฮซีซั่นของคนทวีปอเมริกาเหนือ ชมความงดงามของธรรมชาติทางน้ำ วิถีชีวิตผู้คนบนดินแดนรอยต่อระหว่าง เมือง New York ทางตอนเหนือประเทศสหรัฐ กับทางตอนใต้ของจังหวัด Ontario ประเทศแคนาดา เป็นพื้นที่ทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบ ออนทาริโอ ยาวลงไปจรดแม่น้ำ St. Lawrence ดินแดนที่ถูกขนานนามว่า The Thousand Islands
ดินแดนนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์สงครามโลกระหว่าง สหรัฐ กับ อังกฤษ ในปี คศ.1812 เห็นได้จากร่องรอยหลักฐานชัดเจนทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้าง รูปแบบสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ ในช่วงปีคศ. 1874 – 1912 เริ่มมีผู้คนและชุมชนริมสองฝั่งแม่น้ำให้ความสนใจบุกเบิกใช้พื้นที่เกาะต่างๆในแม่น้ำเป็นที่พักผ่อนท่องเที่ยวจากที่เคยรกร้างเป็นที่อยู่ของนกน้ำ แรกๆผู้คนมาจาก ชิคาโก คลีฟแลนด์ พิซเบิร์ซสหรัฐ และจากแคนาดา หมู่เกาะที่รายล้อมมีทั้งหมด 1,864 เกาะ นับรวมตั้งแต่เกาะเล็กๆมีเพียงต้นไม้ต้นเดียวไปจนถึงเกาะขนาดใหญ่พื้นที่สี่สิบตารางไมล์ อย่างฝั่งแคนาดาก็มีเกาะ Wolfe Island ส่วนฝั่งสหรัฐก็มีเกาะ Grinstone Island และ Wollesley Island ในปลายศตวรรษที่สิบเก้า เริ่มมีการสร้างโรงแรมใหญ่ บ้านพักตากอากาศมากมาย มีธุรกิจบริการท่องเที่ยวทางน้ำ กิจกรรมทางน้ำ ร้านอาหาร แต่มีการสร้างปราสาทบนเกาะหลังแรกในปีคศ.1888 คือ Castle Rest แต่น่าเสียดายพังทลายไป พอช่วงกลางศตวรรษที่ยี่สิบ มีการสร้างใหม่ที่มีชื่อเรียก The Tower บนเกาะ Dark ต่อมาเรียก Singer Castle และที่สำคัญเป็นหัวใจของเกาะคือ Boldt Castle องค์การ UNESCO ได้กำหนด The Thousand Islands ให้เป็นพื้นที่ โลกชีววิทยาสำรอง ในปี 2002 ฤดูที่นิยมท่องเที่ยวคือหน้าร้อนเที่ยวได้ทั้งฝั่งประเทศแคนาดาที่จังหวัด ออนทาริโอ และฝั่งสหรัฐคือฝั่งเมือง นิวยอร์ค
การไปเที่ยวในทริปของเราจะเที่ยวฝั่งแคนาดาค่ะ ซึ่งก็มีหลายๆเมืองที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เซ็นลอเรนซ์ ที่ สามารถไปได้ แต่จุดหมายเราที่เมือง Kingston เพราะเป็นที่นิยมด้วยความสะดวกในหลายปัจจัยรองรับ อย่าง สนามบิน ที่จอดเรือ ท่าเรือ และตัวเมืองอยู่ติดไฮเวย์หลัก บวกกับเป็นเมืองหลักที่น่าสนใจอีกเมืองของจังหวัดออนทาริโอ ถ้ามีโอกาสเราคงได้เที่ยวในเมืองนี้อีกค่ะ ทริปนี้เพียงแค่ผ่านลงเรือก่อนนะคะ การเที่ยวแบบนี้ แน่นอนจะต้องวางแผนล่วงหน้า เราจองตั๋วเรือล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ การล่องเรือชมในหมู่เกาะมีหลายโปรแกรมให้เลือก ทั้ง สามชั่วโมง หรือทั้งวัน เราจองช่วงสั้นๆ แบบสามชั่งโมงไปกลับ คนละ 50 เหรียญแคนาดา ท่าเรืออยู่ด้านหน้าอาคารที่ทำการภาครัฐของเมือง Kingston ก่อนลงเรือทันได้เห็นบรรยากาศผู้คนพลุกพล่าน กิจกรรมกลางแจ้งฤดูร้อน และตลาดนัดประมาณถนนคนเดินเพราะตรงกับวันหยุด ส่วนเรือนั้นเป็นเรือใหญ่ หรือที่เรียก เฟอร์รี่ ส่วนมากฝรั่งเรียก cruise คือล่องเรือ ขนาดใหญ่จริงจุคนหลายพันล่องข้ามมหาสมุทรที่เรียกเรือสำราญ เรือที่เราใช้บริการมีสองชั้น มีบริการอาหารเครื่องดื่มง่ายๆ อย่าง สลัด แซนวิช ซอฟดริ้งค์ อาหารว่าง ของขบเคี้ยว แต่เราไม่มีโอกาสใส่ใจเพราะทุกนาทีบนเรือตลอดสามชั่วโมง มีแต่ความตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้นกับ ความสวยงามของหมู่เกาะ บ้านเรือนผู้คนบนเกาะ วิวทิวทัศน์ที่อยู่รอบล้อมบนพื้นน้ำ ใจกลางแม่น้ำ เซนลอเรนซ์ บางบ้านใหญ่โตมาก ออกแบบสวย มีที่จอดเรือ บางเกาะเป็นปราสาทดูสวยงามด้วยสถาปัตยกรรม ในขณะเดียวกันก็ดูลึกลับเหมือนอยู่ในหนังยังไงยังงั้นเลย ตื่นเต้นดี บางช่วงได้โบกมือทักทายผู้คนเล่นเรือ เมื่อเรือย้อนกลับอีกเส้นทางทันได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนที่เป็นเกษตรกร ใช้ชีวิต มีบ้านอยู่ริมน้ำ บางช่วงเป็นผืนสีเขียวจากการเพาะปลูก เมื่อใกล้ฝั่งที่เดิม เห็นประภาคารลิบๆ วิวเมืองคิงสตันสวยมาก อาคารซิตี้ฮอลรูปโดม อีกด้านมองเห็นสะพานและเขตทหาร สามชั่วโมงแป๊บเดียวเพราะตื่นเต้นตลอด ประทับใจและชอบมากคือบ้านบนเกาะและริมสองฝั่งแม่น้ำ มีท่าเรือ บันไดลงท่าน้ำ อะไรจะชิลเบอร์นั้นอิจฉาคนที่นี่ อยากมาใช้ชีวิตแบบนี้บ้าง
เป็นความจริงที่ว่า มนุษย์กับธรรมชาติต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน ที่สำคัญได้เห็นไลฟ์สไตล์ของคนอเมริกาเหนืออีกมุมหนึ่ง เรียบง่ายให้ความสำคัญกับความสุขจริงๆ นี่คือ The Thousand Islands หมู่เกาะในแม่น้ำ เซนลอเรนซ์ เส้นแบ่งเขตแดนเมืองนิวยอร์ค สหรัฐ กับจังหวัดออนทาริโอ ประเทศแคนาดา…โลกใกว้างอย่างที่คิด กำไลชีวิตคือการเดินทาง พบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีค่ะ