วันพฤหัสบดี, 13 กุมภาพันธ์ 2568

เที่ยวไกลในต่างแดนตอน : King’s Road เส้นทางมรดกในจังหวัด Quebec -โดย DJ. ณิชา

สวัสดีค่ะ ทริปนี้เป็นการเดินทางในช่วงหน้าร้อนอันสดใสของแคนาดา จากผลพลอยได้ในการเยือนดินแดนประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม ฝรั่งเศสใหม่ New France ที่เมืองเก่า Old Quebec City จังหวัดควิเบค ทำให้เราได้สัมผัสเส้นทางอันเป็นมรดก ร่ำรวยประวัติศาสตร์ และความภูมิใจของชาวแคเนเดี่ยนที่ผ่านมาของบรรพบุรุษกว่าสามรุ่น และยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ สีสัน เสน่ห์อันทรงคุณค่า ตลอดเส้นทาง 280 กิโลเมตร จากตัวเมืองเก่า ควิเบค ถึงเขตเมือง มอนทรีออน นั่นคือ เส้นทางที่เรียก King’s Road หรือ King’s Highway
ต้นศตวรรษที่สิบเจ็ด ดินแดนชายฝั่งตอนเหนือแม่น้ำ St. Lawrence เป็นอีกดินแดนที่ผู้คนสืบเชื้อสาย วัฒนธรรมจากชาวฝรั่งเศสในฐานะเป็นเมืองขึ้น และเรียกขานกันในนาม ฝรั่งเศสใหม่ มีอาชีพการเกษตรเป็นหลัก โดยชุมชน หมู่บ้าน อยู่ตามฝั่งแม่น้ำที่ทอดตัวจากเมืองควิเบค ยาวลงทางใต้ถึงเมือง มอนทรีออน ซึง ณ เวลานั้นใช้การคมนาคมทางน้ำ แต่ก็มีอุปสรรคช่วงหน้าหนาวกับหิมะ ในปีคศ 1731 รัฐสภาฝรั่งเศสใหม่ จึงมีการสร้างเส้นทางนี้เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าการเกษตรไปยัง เมืองควิเบค เสร็จสมบูรณ์ในปี 1737 เป็นเส้นทางรถยนต์ที่ยาวที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ณ เวลานั้น เรียกชื่อว่า The chemin du Roy หรือ King’s Road หรือ King’s Highway โดยตลอดเส้นทาง 280 กิโลเมตรเลียบริมฝั่งแม่น้ำ St. Lawrence ทางเหนือจะผ่านชุมชนหมู่บ้านเก่าแก่ Repentigny, Trois Rivieres โบสถ์ Saint-Anne-de-Perade พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน แวะชิมอาหารท้องถิ่น สัมผัสกลิ่นไอชนบท ศิลปการสร้างบ้านสไตล์ฝรั่งเศส ท้องทุ่งแปลกตา สวนองุ่น แวะชิมไวน์ได้ตามใจ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงในทวีปอเมริกาเหนือ


การเดินทางของเราเริ่มต้นช่วงเช้าออกจาก Old Quebec กับสองปลายทางที่วางแผนคือและน้ำตกชานเมืองก่อนเริ่มต้นเส้นทาง คิงส์โรด และเพียงยี่สิบห้านาทีจากตัวเมืองเราถึงน้ำตก Montmorency เป็นน้ำตกใหญ่ในจังหวัด ควิเบคสูงถึง 83 เมตร อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีทางเข้าสองทาง ด้านบนและด้านล่างของน้ำตก ฝั่งด้านล่างจะมีกระเช้า หรือ เคเบิ้ลคาร์ขึ้นไป มีสะพานข้ามน้ำตก เป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามา ชมวิวฝั่งแม่น้ำ มองเห็นตัวเมืองควิเบคลิบๆ แม่น้ำด้านล่างใสเขียวอมน้ำเงินสะท้อนแสงแดดยามเช้าสวยมากค่ะ แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวผืนน้ำก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง เล่นสกีได้เลย ด้านบนอีกฝั่งขับรถวนขึ้นได้ มีโรงแรม ร้านอาหารบริการ เราใช้เวลาที่น้ำตกประมาณชั่วโมงเศษจึงเริ่มต้าตามเป้าหมายของทริป เส้นทาง King’s Road
เส้นทางตามเป้าหมายไม่ผิดหวังค่ะ ตลอดเส้นทางธรรมชาติริมทาง หมู่บ้าน เป็นบรรยากาศชนบทที่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์ หมู่บ้านเล็กๆ ทะเลสาบ สถานที่ให้นักเดินทางแวะพัก ร้านอาหารส่วนมากเป็นชุมชนการเกษตร บ้านเรือนจะอยู่ห่างกัน แต่ประทับใจกับตัวอาคาร บ้านเป็นแบบฝรั่งเศสในศตวรรตที่สิบแปด ณ วันนี้ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นไอดั้งเดิมทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะรูปแบบระเบียงบ้านที่เรียก porch บวกกับเป็นหน้าร้อนผู้คนจัดสวนสวย ดอกไม้ ต้นไม้ ทำให้รู้สึกได้ว่า ผู้คนที่นี่ช่างมีความสุขอย่างน่าอิจฉาใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติจริงๆ และวิถีชีวิตดั้งเดิมที่สิบทอดกว่าสามรุ่นของบรรพบุรุษ และเมื่อชั่วโมงกว่าๆผ่านไปเราถึงหมู่บ้านเล็กๆเราและไปดูบ้านหลังหนึ่งซึ่งสามีเคยมาเที่ยวตอนเป็นเด็กในฐานะบ้านคุณลุงของพ่อ ซึ่งคุณพ่อเกิดที่นี่ โดยมีเชื้อสายระหว่างฝรั่งเศสกับอิตาเลี่ยน ถือโอกาสแวะมื้อเที่ยงที่สุดฮิตในหน้าร้อนกับร้านฮอตดอกเล็กๆริมทาง
เราผ่านอีกหลายเมืองเลาะริมฝั่งแม่น้ำ สะพานข้ามแม่น้ำ จุดที่พลาดไม่ได้คือ ประภาคารเก่าแก่ต้นศตวรรษที่สิบหก เมื่อครั้งผู้คนสัฐจรโดยทางน้ำก่อนที่จะสร้างถนนสายนี้ โบสถ์ Saint Anne เก็บภาพแห่งความประทับใจ อีกหนึ่งประสบการณ์ยิ่งใหญ่บนถนนสาย มรดกของแคนาดา King’s Road จังหวัด ควิเบค ดินแดนพื้นฐานคู่กับแม่น้ำ St. Lawrence ประวัติศาสตร์ที่อิงแอบท่ามกลางฉากที่สวยงาม ทรงคุณค่า เตือนความทรงจำถึงความเป็นฝรั่งเศสใหม่ แก่ชาว แคเนเดี่ยนและนักเดินทาง ดิฉันพูดเสมอว่า โลกไม่กว้างอย่างที่คิด กำไรชีวิตคือการเดินทาง แล้วเจอกัน ทริปหน้านะคะ สวัสดีค่ะ