สวัสดีค่ะ ทริปนี้เป็นบรรยากาศท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาวและค่อนข้างจะแอดเวนเจอร์นะคะ เพราะช่วงจังหวะตรงเทศกาลวันหยุดสิ้นปีพอดี และสถานที่มีชื่อเสียงไม่น้อยในด้านกิจกรรมแบบลุยๆทั้งหน้าหนาวและหน้าร้อนของประเทศแคนาดา ที่แตกต่างจากเมืองไทยโดยสิ้นเชิง ใช่ค่ะเราจะไปรู้จักและสัมผัสเมืองท่องเที่ยวเล็กๆที่หลบซ่อนอยู่กับธรรมชาติ แนวเทือกเขาร็อกกี้ จังหวัด British Columbia มีความเป็นมาน่าสนใจแฝงด้วยเสน่ห์แบบชนบท ตะลึงกับวิวที่สวยงามของขุนเขา ที่สำคัญแม้ประชากรเพียงสี่พันกว่าคนแต่กลับเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของแคนาดา โดยเฉพาะกิจกรรมแอดเวนเจอร์หน้าหนาว ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมาสัมผัสเมืองนี้ Golden Town
ชุมชนท่องเที่ยวแห่งนี้เริ่มจากมีการสร้างทางรถไฟสายสำคัญของแคนาดา Trans Pacific Railway จากตะวันตกสู่ตะวันออกสุดผ่านเทือกเขาร็อกกี้ พื้นที่นี้เป็นแอ่งธรรมชาติ การบรรจบกันของแม่น้ำสองสายคือ Kicking Horse และ Colombia rivers ล้อมรอบด้วยอุทยานแห่งชาติใหญ่ที่มีชื่อเสียงของแคนาดา อย่าง Yoho National Park, Banff, Jasper, Glacier และ Kootenay National park และตั้งอยู่บนไฮเวย์ที่ 1 The Trans Canada Highway ซึ่งใกล้กับไฮเวย์ 95 ที่เชื่อมต่อถึงประเทศสหรัฐ จากการผสมผสานวัฒนธรรมของผู้คนกลุ่มแรกที่ใช้ชีวิตที่นี่ คือชาวสวิตเมื่อครั้งการสำรวจสร้างทางรถไฟ และชนพื้นเมืองแคเนเดี่ยน ทุกอย่างวันนี้ยังคงกลิ่นไอแบบสวิต โดยเฉพาะ สะพานคนเดินเท้าที่ยาวที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ เพื่อข้ามแม่น้ำ Kicking Horse เป็นสถาปัตยกรรมแบบสวิต ณ วันนี้มากกว่า สิบบริษัทการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในเมือง Golden เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจหลักของชุมชน โดยเน้นการท่องเที่ยวธรรมชาติ และ แอดเวนดจอร์ทั้งหน้าหนาว และหน้าร้อน ไม่ว่าจะเป็น ขี่ม้า สกี สโนโมบิล เรือคยัค ล่องแก่ง หรือแม้การเดินเท้า ที่สำคัญ รีสอร์ทที่เป็นหัวใจที่นี่ Kicking Horse Mountain Resort อยู่บนเนินเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 7900 ฟุต ตะลึงกับวิวเทือกเขาร็อกกี้ และอุทยานแห่งชาติแลสุดสายตา
บรรยากาศหน้าหนาวของวันหยุดสิ้นปีคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว ทุกตารางนิ้วขาวโพลนไปด้วยหิมะ สำหรับเราแล้วเหมือนสวรรค์เพราะเมืองไทยไม่มีแบบนี้ ถึงแม้จะวางเป้าหมายเที่ยวที่ โกลเด้น แต่เราพักที่ แบนฟ์ ด้วยความที่สะดวก และจองเวลากิจกรรมที่นี่ได้เลย โดยบ่ายวันถัดไปเราจะไปเล่น Snowmobile หรือ Ski-do หรือรถสำหรับขับเคลื่อนบนหิมะ โดยส่วนตัวดิฉันเรียก มอเตอร์ไซด์หิมะ เท่มั้ยคะ อิอิ….เราออกเดินทางแต่เช้าของวันนัดหมายไปที่เมืองโกลเด้นก่อนเวลาสองสามชั่วโมงเพื่อสำรวจรอบๆเมืองก่อนเวลาที่จะไปเล่นมอเตอร์ไซด์หิมะ จากตัวอาคารจุดนัดหมายเราต้องขึ้นไปบนเนินเขาอีกรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวอื่นๆ กรุ๊ปเรารวมเด็กวัยรุ่นที่มาจากสหรัฐอีก เจ็ดคน และผู้ดูแลนำทีมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทนำเที่ยวดูแลเส้นทาง แนะนำการเล่น การใช้ สกีดู เมื่อทุกคนเปลี่ยนชุดพร้อมและได้รถตัวเองก็เริ่มเดินทาง จากจุดสตาร์ทค่อยๆไต่ระดับขึ้นเขาไปเรื่อยๆแต่ไม่สูงนัก อุณหภูมิ ณ เวลานั้น ลบ ห้า องศา หิมะลงบางๆพอได้ฟิว เราไต่ระดับขึ้นเนินเรื่อยๆ รอบตัวขาวโพลนด้วยหิมะ บ้างก็เกาะตามต้นไม้ พุ่มไม้เป็นรูปทรงสวยแปลกตา ภาพที่เห็นในความรู้สึกเหมือนสวรรค์ เหมือนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์แม้เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ เพราะหิมะกำลังลงบางๆในขณะที่ตื่นตะลึงในจินตนาการ..บางช่วงต้องหยุดเมื่อเพื่อนในขบวนตกหลุมหิมะ สิ่งที่หวาดเสียวคือบางช่วงเป็นเหวอีกด้าน ต้องพยามยามอยู่ในเส้นทาง และความตื่นเต้นที่ตามมาอีกคือการเป็นอาสาสมัครซ้อนท้ายผู้นำทีมโชว์การพา Ski-do ยกล้อดิ่งลงมาจากเนินเขา …อันนี้หัวใจจะวายแม้ไม่ใช่คนขับ พอช่วงขากลับเราหยุดพักที่จุดบริการ กาแฟร้อนๆ และของว่าง พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ยอมรับค่ะ ผจญภัยจริงๆ น้องๆในกลุ่มคงไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับเรา ครั้งหนึ่งในชีวิตเป็นอะไรที่ตื่นเต้นที่สุด
สนุกค่ะ ความคุ้มค่าอยู่ที่เราได้สัมผัสอะไรที่แตกต่างจากบ้านเราที่เป็นเมืองร้อน แค่ได้เห็นวิวเทือกเขาร็อกกี้ ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ก็คุ้มค่า แม้จะหนาวเย็นติดลบ ความสวยงามที่หลบซ่อนชวนให้ค้นหา ทุกๆลมหายใจผู้คน นักเดินทางที่มาสัมผัสที่นี่ และกิจกรรมผจญภัยในหน้าหนาว คงรู้สึกไม่ต่างจากเรา…โลกไม่กว้างอย่างที่คิด กำไรชีวิตคือการเดินทาง พบกันอีกทริปหน้านะคะ สวัสดีค่ะ