นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอที่ประชุม ครม. วันที่ 29 ธ.ค.นี้ พิจารณาเห็นชอบโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มผู้สูงอายุในวันธรรมดา และยังช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวทั้งระบบ รวมทั้งการจ้างงานกลุ่มแรงงานภาคการท่องเที่ยว โดยมีเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์กลุ่มเป้าหมายอายุ 55-75 ปี ใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยวเดินทาง 3 วัน 2 คืนขึ้นไป สนับสนุนค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 5,000 บาท
ทั้งนี้ประเมินว่าจะทำให้เกิดประโยชน์คือนอกจากจะมีการเดินทางเพิ่มขึ้น 1 ล้านคน-ครั้งแล้ว คาดค่าใช้จ่ายจาก การเดินทางเข้าพักเฉลี่ย 3 วันอยู่ที่วันละ 2,531.87 บาท หรือเท่ากับคนละ 7,595.61 บาท เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 18,859.89 ล้านบาท บรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการแรงงานและครอบครัวในภาคการท่องเที่ยวประมาณ 4 แสนคน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการนำเที่ยว มัคคุเทศก์ แรงงานด้านการขนส่งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ ผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม และผู้ประกอบการโรงแรม
ขณะเดียวกันยังประเมินว่าจะมีการจ้างงานมัคคุเทศก์ 50,000-100,000 ราย จากการประเมินค่าเฉลี่ยจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นแบบกลุ่มขนาดเล็ก (ค่าแรง 4,500 บาทต่อครั้ง) หรือมีมูลค่าการจ้างงานรวม 225-450 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายจากภาคแรงงานประมาณ 11,230 ล้านบาท
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบถึงรายละเอียดผลการหารือระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และสมาคมโรงแรม เกี่ยวกับการเลื่อนเวลาการเข้าพัก หลังมีการจองและจ่ายเงิน 60% ของค่าห้องในโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปแล้ว แต่คนไม่กล้าเดินทางเที่ยวเพราะยังกังวลเรื่องการพบผู้ติดเชื้อกระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วไทย ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. โดยสมาคมโรงแรมไม่ติดปัญหา เลื่อนเวลาในการเข้าพักออกไปให้กับนักท่องเที่ยว โดยนายกฯ ได้รับทราบแล้ว และสั่งให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานเจ้าของโครงการไปหารือกัน เพื่อดำเนินการต่อไป รวมทั้งการเปิดให้จองสิทธิเราเที่ยวด้วยกัน อีก 1 ล้านคืน ว่าจะเริ่มต้นเมื่อใดด้วย
ล่าสุดเว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน ได้แจ้งข้อมูลที่หน้า เว็บไซต์ให้โรงแรม ที่พักพิจารณาคืนเงินให้ผู้ที่จ่ายเงินไปแล้ว แต่มีความจำเป็นไม่สามารถเดินทางเข้าที่พักได้ 2 กรณี คือ นักท่องเที่ยวที่จองที่พักที่มีการประกาศล็อกดาวน์ และนักท่องเที่ยวจากพื้นที่ที่ประกาศล็อกดาวน์ที่จองที่พักในจังหวัดอื่น ๆ