วันพุธ, 27 พฤศจิกายน 2567

ททท. ส่งสัญญาณเปิดปีท่องเที่ยวไทย จัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565” รูปแบบ Covid Free Event เน้นประสบการณ์ท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ต่อยอดแบรนด์ Amazing Thailand

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่มิติใหม่ สะท้อนสัญญาณความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565”ระหว่างวันที่ 18 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2565 และ “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” มอบประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ปลอดภัย ประทับใจ และแตกต่าง ผสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทคโนโลยีการท่องเที่ยวที่พร้อมชูมาตรการสาธารณสุขจัดงานรูปแบบ Covid Free Event 

ททท. ปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศรับปีท่องเที่ยวไทย 2565 กับ เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 18 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด พลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย สไตล์ New Normal ให้ปี 2565 เป็นปีท่องเที่ยวไทยมุมมองใหม่ เน้นสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวทรงคุณค่าที่จะประทับใจและสุขใจกว่าที่เคย สอดรับกับแคมเปญตลาดในประเทศ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” พร้อมนำส่งคุณค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่โดดเด่นและแตกต่างมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ต่อยอดสู่ตลาดต่างประเทศผ่านแคมเปญ “Amazing New Chapters”  และการจัดงานครั้งนี้ ททท. ชูหัวใจหลักด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยตามมาตรการสาธารณสุข กำหนดจัดงานรูปแบบ Covid Free Event ที่พลิกฏโฉมด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้มาตรการทางสาธารณสุขเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นสำหรับผู้ชมงาน แต่ยังคงสามารถสร้างความมั่นใจในการเดินทางเข้ามาชม โดยผู้เข้าชมงานต้องได้รับการคัดกรอง 2 จุด คือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายบริเวณจุดและ Check in ผ่านแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” (หรือลงชื่อ) ตามข้อกำหนดของสวนลุมพินี  และเมื่อเข้าชมในแต่ละโซนกิจกรรมต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ผ่านแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” หรือแสดงหลักฐานรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Antigen Test (ATK) ผลเป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ทั้งนี้ มีบริการตรวจ ATK ราคา 35 บาท ในบริเวณงาน โดยติดตั้งแอปพลิเคชั่น Doctor Anywhere เมื่อตรวจผ่านแล้วจะได้รับสติ๊กเกอร์ซึ่งสามารถเข้าชมโซนอื่นๆ โดยไม่ต้องตรวจซ้ำ นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว ยังมีมาตรการอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้เข้าชมงานมีความมั่นใจด้านความปลอดภัยมากขึ้น เช่น การกำหนดจำนวนผู้เข้าชมของโซนในแต่ละช่วงเวลา (1 คน / 4 ตร.ม.) ซึ่งจะติดตั้งป้ายแสดงจำนวนผู้เข้า-ออกโซนอย่างชัดเจน การกำหนดพื้นที่รับประทานอาหาร (เปิดหน้ากาก) การจองคิวชมการแสดงผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ การใช้แฟลตฟอร์ม “เพลินไทย” เพื่อแสดงความหนาแน่นของผู้เข้าชมในแต่ละโซนงาน รวมถึงต้องสวมหน้ากากอนามัย และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค DMHTT ตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่จัดงาน ขณะเดียวกัน ผู้จัดงานทุกคน (เจ้าหน้าที่ททท. ผู้มาออกร้าน ) จะต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ผ่านแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” และแสดงหลักฐานรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Antigen Test (ATK) ผลเป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย อาจจะกล่าวได้ว่าเป็น Fully Vaccinated Event เลยทีเดียว

สำหรับภายในงาน ททท. ออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวมุมมองใหม่ พานักท่องเที่ยวออกเดินทางสัมผัสเอกลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญาและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงกิจกรรมท่องเที่ยวมิติใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม ผ่าน 9 โซนกิจกรรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้

● โซนที่ 1 โฉมใหม่ท่องเที่ยวไทย AMAZING NEW CHAPTERS 
เริ่มต้นของการเดินทางท่องเที่ยวที่จะพลิกโฉมการท่องเที่ยว ในสไตล์ Base Camp ก้าวสู่พื้นที่สถานี TAT Studio ศูนย์ผลิตข้อมูลและควบคุมการออกอากาศผ่านแฟนเพจ Amazing Thailand ตื่นตาตื่นใจไปกับนวัตกรรมท่องเที่ยวใหม่ ในพื้นที่ TAT Travel Tech โชว์เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) Augmented Reality (AR) และExtended Reality (XR) เปิดประสบการณ์เหนือระดับทดลองเป็น Virtual Influencer ของ ททท. และท่องเที่ยวผ่านโลก Metaverse  พร้อมสัมผัสการ Casting ใน Studio ของจริงจากทีมงานช่างภาพมืออาชีพของ ททท. ใน ท่องเที่ยวไทย สไตล์ New Chapters by TAT Modeling จากนั้นแวะ Coffee Showcase  ลิ้มรสกาแฟสายพันธุ์ไทยจาก Local Community ก่อนเดินชมการจัดแสดงภาพถ่าย เช็กอินโซน อ.ส.ท. สมัครสมาชิกและทำกิจกรรม Workshop เรียนวาดภาพสีน้ำโดยวิทยากรมืออาชีพ เพลิดเพลินเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ่าน Board Game และรับบริการข้อมูลข่าวสารรูปแบบใหม่ของ TAT Contact Center ผ่าน Chatbot และ  Amazing Thailand eBook ในพื้นที่ 1672 เพื่อนร่วมทาง ไม่เพียงเท่านั้น เพิ่มบรรยากาศชิลๆ ด้วยการแสดงดนตรีและพูดคุยในแบบแคมป์ เบาๆ เพลินๆ จากศิลปินและนักแสดงชื่อดัง อาทิ เที่ยวแบบ Low Carbon กับ กลัฟ – คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์,  ส้ม – มารี โอ๊ต – ปราโมทย์ และ ป็อป – ปองกูล ที่ยกรายการ Campปลิ้น มาร้อง เล่า เอาฮา ประสาคนเคยแคมป์ และวง เดอะ พาคินสัน เป็นต้น 

● โซนที่ 2 หมู่บ้านภาคตะวันออก 
เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด “East at Ease สบ๊ายสบายภาคตะวันออก” (ธีมสี Emerald) โดดเด่นด้วยแลนด์มาร์กและจุดถ่ายภาพซุ้มประตู สวนลอยฟ้า จำลองประภาคารแหลมงอบ จ.ตราด จุดถ่ายภาพกระดาน SUP Board และซุ้มประตู กิจกรรมปีนผา Soft Adventure ในบรรยากาศสไตล์แคมป์ปิ้ง 

นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาตอบโจทย์ความเป็น Thainess เช่น สานกระเป๋ากระจูด การทำเดคูพาจเครื่องจักสานใบลาน การทอเสื่อกก การทำผ้ามัดย้อมสีลูกจาก และเอาใจสายกิน สไตล์ “Food Explorer” ร้านลับและอาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด เช่น ก๋วยเตี๋ยวผัดปู หมูชะมวง ข้าวมันปู แจงรอนย่าง ข้าวหลามหนองมน สับปะรดตราดสีทอง และสนุกสนานไปกับการแสดงของจังหวัดภาคตะวันออก เช่น โชว์หุ่นละครเล็กจากโจหลุยส์ เรื่อง “พระอภัยมณี” ของสุนทรภู่ การแสดงชุด Celebrate of The king รูปแบบ Light & Sound เรื่องราวการรวบรวมไพร่พลที่จันทบุรี ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช การแสดงคาบาเร่โชว์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมี กอล์ฟ คลินิก สามารถเรียนรู้การเล่นกอล์ฟขั้นพื้นฐาน กับคลินิกกอล์ฟ ฝึกฝนฝีมือการไดร์ฟกอล์ฟ จากนักกอล์ฟมืออาชีพด้วย นอกจากนี้ ยังได้สนุกกับการแสดงดนตรีของ Serious Bacon เอ๊ะ – จิรากร Three Man Down  Tilly Birds และ สิงโต – นำโชค

● โซนที่ 3 หมู่บ้านภาคกลาง
ก้าวสู่ดินแดนที่ราบลุ่มแม่น้ำ ซึมซับประสบการณ์การท่องเที่ยวสไตล์ “เทรนดี้ C2 ภาคกลาง”(ธีมสี Crimson) โดดเด่นด้วยแลนด์มาร์ก เรือนไทยสีขาว สไตล์โมเดิร์น กับซุ้มประตูบ้านระจันสีขาว พร้อมจุดถ่ายภาพจำลองกังหันวิดน้ำเข้านาเกลือขนาดใหญ่ และ นาข้าว สะท้อนความเป็นคนภาคกลางได้เป็นอย่างดี
ภายในโซนนักท่องเที่ยวจะได้พบกับไฮไลท์ร้านอาหารอร่อยเด็ด 7 ย่านน้ำภาคกลางในบรรยากาศตลาดย้อนยุค และสินค้าชุมชนและเกษตรอินทรีย์ ผ่าน TOCA Platform  ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกิจกรรมสาธิตสร้างงานศิลปะด้วยตัวเอง อาทิ บ้านดินมอญ เกาะเกร็ด การปักผ้าโบราณ “ผ้าลายอย่าง” สาธิตการวาดหัวโขน การปั้นตุ๊กตาชาววัง การปั้น-เพ้นท์โอ่งจิ๋ว การฉลุลาย การทำโรตีสายไหม เป็นต้น และเพิ่มพลังความสร้างสรรค์ด้วยศิลปะที่ทันสมัยกับซุ้มงานศิลปะกราฟฟิตี้ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงวัฒนธรรมอันวิจิตรหาชมได้ยาก อาทิ การแสดงหนังใหญ่วัดขนอน การแสดงโขนคณะศิษย์นาฏศิลป์ การแสดงหุ่นละครเล็ก รำวงย้อนยุค ลำตัด ลิเก เพลงฉ่อย และอื่นๆ อีกมากมาย

● โซนที่ 4 หมู่บ้านภาคเหนือ  
เปิดหมู่บ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยกลิ่นอาย “เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ (North Nostalgia)” (ธีมสี Navy)ผสานความร่วมสมัยของงาน หัตถศิลป์ และกิจกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ด้วยการใช้สี ณ ฮ่อม (Navy Blue) ผ่านประสบการณ์ Unseen New Series อาทิ ม่อนหมอกตะวัน จ.ตาก เขาล่องเรือตาหมื่น จ.พิษณุโลก วัดหลวงขุนวิน จ.เชียงใหม่ ประสบการณ์การดื่มชาและกาแฟ (Tea & Coffee Culture) ประสบการณ์งานเทศกาลประเพณี (Culture & Festival) และประสบการณ์เรื่องราวของอาหารและผลิตภัณฑ์เมืองเหนือ

ห้ามพลาดเช็กอินแลนด์มาร์กจุดถ่ายภาพบันไดพญานาคทางวัดหลวงขุนวิน จังหวัดเชียงใหม่ เติมความสดชื่นชิมชา-กาแฟเมืองเหนือ อาทิ กาแฟคั่วสวนชูใจ จ.เชียงใหม่ Erabica Coffee จ.น่าน ชาสวรรค์บนดิน จ.เชียงราย ที่ข่วงตาแจ้ง (Tea & Coffee Culture) ย้อนเวลา ซึมซับเสน่ห์บรรยากาศวันวานในโซน วันวานเมืองเหนือ (North Nostalgia) ไปกับกิจกรรมรวมพลคนปีขาล และสัมผัสกลิ่นอายความงดงามของเมืองเหนือในบรรยากาศของจังหวัดอุทัยธานี เชียงใหม่ และสุโขทัย ส่งต่อความอาร์ตของสินค้าคนรุ่นใหม่จากวัตถุดิบชุมชนภาคเหนือในโซนคัวฮอม (Handicraft) พร้อมอุดหนุนของดีชุมชนทั้ง 23 ร้าน ที่กาดเมือง (OTOP) ปิดท้ายเติมเสบียงอาหารเหนือท้องถิ่นแบบลำแต้แต้ในกาดหมั้ว และประทับใจไปกับการแสดงบอกเล่าวิถีชีวิต อัตลักษณ์ของภาคเหนือ จากศิลปินร่วมสมัยต่างๆ ดนตรีพื้นเมืองผสานดนตรีสมัยใหม่

● โซนที่ 5 หมู่บ้านภาคใต้  
เดินทางสร้างประสบการณ์ล่องใต้ได้แรงอก ยกสโลแกน Savory South หรอยแรงแหล่งใต้ (ธีมสี Silver )ถ่ายทอดศิลปะ วัฒนธรรมภาคใต้อันเป็นเอกลักษณ์แก่นักท่องเที่ยว ด้วย Theme “Art of Southern” ทั้งการแสดงมโนราห์ หนังตะลุง และลิเกฮูลู ศิลปะการทำอาหารท้องถิ่น โดยมีแลนด์มาร์กและจุดถ่ายภาพสำคัญ ได้แก่ ซุ้มประตู 3 วัฒนธรรม และสตรีทอาร์ตภาคใต้ สื่อถึงประสบการณ์ Once in a lifetime ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องลอง อาทิ ซุ้มประตูอุทยานธรรมเขานาในหลวง จ.สุราษฎร์ธานี ซุ้มประตูเมืองสงขลา เส้นทางธรรมสักการะหลวงปู่ทวด และไอ้ไข่วัดเจดีย์ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม


นักท่องเที่ยวจะได้หรอยแรงไปกับโซน Roi-Licious ชวนชิมอาหารปักษ์ใต้ รสจัดจ้านหรอยแรงแบบต้นตำรับ อาทิ ขนมหวานป้ากี้ จ.พัทลุง เจ๊ติ้งซาลาเปาทับหลี จ.ระนอง ร้านข้าวหมกลุงดำ จ.สตูล สามช่องซีฟู๊ด จ. พังงา ร้านเจริญข้าวมันไก่เบตงพันธุ์แท้ จ.ยะลา ส่งต่อเอาใจคอกาแฟ ชวนชมศิลปะการชงเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างกาแฟ ชาใต้ที่มีรสชาติไม่แพ้ใครในโซนพี่บ่าวคาเฟ่ และสุดปังกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นดีไซน์ทันสมัยที่มีให้เลือกอุดหนุนกันแบบจุใจ อาทิ สตูลอันดามันเพิร์ล จ.สตูล Clothear เสื้อผ้าปาเต๊ะร่วมสมัย จ.สงขลา Batik De Nara ผ้าบาติกดีไซน์ทันสมัยจาก จ.ปัตตานี และทำกิจกรรม D I Y handmade ด้วยตนเองได้กับบาราโหม  BARAHOM ผลิตภัณฑ์ผ้าพิมพ์บล็อกไม้ จ.ปัตตานี บ้านโนรา ผลิตภัณฑ์จากลูกปัดโนรา จ.พัทลุง  และเพิ่มความสนุกสนานบนเวทีการแสดงด้วยการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านจากวิทยาลัยนาฏศิลป์พัทลุง การแสดงมโนราห์ ศิลปะที่ได้รับรางวัลระดับโลกจาก UNESCO และการแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ เอกชัย ศรีวิชัย และวงพัทลุง

● โซนที่ 6 หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 
ปลดล็อกประสบการณ์ท่องเที่ยวภาคอีสานผ่านแนวคิด Isan in love หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน (ธีมสี Ivory) เสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ Unseen New series ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 แห่ง ได้แก่ หอโหวด จ.ร้อยเอ็ด ภูพระ จ.เลย พญานาค 3 พิภพ จ.มุกดาหาร เมืองลอยฟ้าและเมืองใต้พิภพ จ.นครราชสีมา และ โลกของช้าง จ.สุรินทร์ ตลอดจนนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงวัฒนธรรมประเพณีฮีตสิบสองคลองสิบสี่ของชาวอีสาน โดยมีหอโหวด จ.ร้อยเอ็ด เป็นแลนด์มาร์กสำคัญกลางโซนกิจกรรม 

ททท. พาตกหลุมรักถิ่นอีสาน ชวนท่องเที่ยวภาคอีสาน พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษจากสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคอีสาน สัมผัสอาหารถิ่นรสแซ่บในโซนลานแซ่บนัว รวมเมนูเด็ดจากร้านดัง อาทิ ส้มตำไก่ย่างเขาสวนกวาง โคขุนภูเขาไฟ ต่อด้วยโซนตลาดนายฮ้อย นำเสนอมนต์เสน่ห์ของผ้าอีสาน และผลิตภัณฑ์ OTOP 5 ดาว ผ้าไหมแพรวา ผ้าย้อมครามให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกชม เติมชั่วโมงงานอาร์ตกับกิจกรรมสาธิตผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญา ชุมชนท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด เชื่อมโยงประเพณีฮีตสิบสองคองสิบสี่ อาทิ มาลัยข้าวตอก บุญกระธูปออกพรรษา ประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน เพิ่มดีกรีความม่วนต่อกับโซนอีสานสราญศิลป์ จำลองเวทีการแสดงหมอลำภาคอีสานผสานร่วมสมัยในรูปแบบมัลติมีเดีย จากวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ วิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด และวิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา 

● โซนที่ 7 : STREET FOOD กทม. 

นำเสนอสีสันมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ความพิเศษของ Street Food ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และสีสันทางวัฒนธรรมของ Street Art จากคลองโอ่งอ่าง ที่ได้รับรางวัลระดับโลกเป็น “ต้นแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์” พร้อมพบกับ Bangkok Street Food อาหารเด็ดของกรุงเทพฯ ของดีบางกอก 50 ร้าน อาทิ ไอติมลืมผัว ชุมชนน้ำใสดอกไม้สวย ขนมบดิน (มะอ๊ะ) มัสยิดมหานาค หอยจ๊อเยาวราช สูตรดั้งเดิมกว่า 50 ปี  ขนมก๋วยตั๊ส ชุมชนกุฎีจีน ข้าวขาหมู ข้าวขาหมูเพลินพุง ยืนพื้น ก๋วยจั๊บน้ำข้น น้ำพริกแม่เล็ก(สุบิน) ข้าวแช่แม่เฉลียว จินดา แกงไตปลาคั่วกลิ้ง ผัดไทป้าแมว น้อยหน่าขนมไทย น้ำสมุนไพร จูตะโกมล เป็นต้น

● โซนที่ 8 เวทีกลาง (MAIN STAGE) 
พบกับการแสดงวัฒนธรรมและการแสดงจากศิลปินชื่อดัง ได้แก่
– วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 พิธีเปิดงานเทศกาลเที่ยวเทืองไทยและพิธีเปิดปีท่องเที่ยวไทย2565 และ
การแสดงวัฒนธรรมร่วมสมัย ชุด “นาฏยนวัตกรรมท่องเที่ยวไทย” 
– วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การแสดงดนตรีในสวน “สวนพลูคอรัส” และการแสดงจากศิลปิน เป๊กกี้ ศรีธัญญา และ INDIGO 
– วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การประกวดเทพีเทศกาลเที่ยวเมืองไทยและการแสดง “โขน” 
– วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การแสดงดนตรีในสวน “สวัสดีโชว์” และ การแสดงจากศิลปินสุนทราภรณ์ feat.อลิส Golden song 
– วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 พบกับการแสดง อาทิ การแสดงจากศิลปิน “ฉุลโหฬาร” การแสดงทางวัฒนธรรม “โนราห์เทพ ศรัทธา”

● โซนที่ 9 เที่ยวไทยแบบใหม่ STYLE NEW NORMAL 
พาเรียนรู้จิ๊กซอว์สำคัญสู่การท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน ประกอบด้วย ลดโลกเลอะ Low Carbon Tourism Innovation Startup และสินค้าทางการท่องเที่ยว ซึ่งมีกิจกรรมไฮไลท์ 3 กิจกรรม ได้แก่
1. เล่าเรื่อง ท่องเที่ยว BCG ผ่านกาแฟชุมชนในรูปแบบสภากาแฟ โดย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ไร่กาแฟบ้านซับศิลาทอง จ.นครราชสีมา และ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กาแฟบ้านโป่งลึก อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
2. สร้างพลังแรงบันดาลใจท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบผ่านบล็อกเกอร์และศิลปิน เช่น Pikaploy , กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, ก้อง กรีน กรีน , กอล์ฟมาเยือน, วง 4EVE , วี วีโอเล็ต, เบล วริศรา, ลุลา, สินเจริญบราเธอร์
3. เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ กับกิจกรรม Workshop อาทิ เพ้นท์จานเซรามิค จ.ลำปาง , ทำเสื้อมัดย้อมด้วยสีบาติก จ.ปัตตานี DIY วัสดุรีไซเคิล และเรียนรู้กับ Innovation startup ท่องเที่ยว รวมถึงจัดแสดงสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว ผ่านทางแฟนเพจ“7 Greens ท่องเที่ยวสดใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” และส่งเสริมการขายเส้นทางท่องเที่ยวรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

นอกจากโซนกิจกรรมต่างๆ แล้ว ยังมี TAT Souvenir of Thailand จัดจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand อาทิ เสื้อโปโล หมวก ร่ม กระเป๋าเดินทาง เป็นต้น ด้วยดีไซน์โดดเด่น ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ และตอกย้ำแคมเปญ “ลดโลกเลอะ” ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ รณรงค์การบริหารจัดการขยะ ลดการสร้างขยะภายในพื้นที่จัดงาน เน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และวัสดุรีไซเคิล เช่น ชานอ้อย ไม่ใช้โฟมและลดการใช้พลาสติก ตามหลัก BCG Model 

ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่า งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2565 ครั้งที่ 40 จะเป็นกิจกรรมการตลาด(Event Marketing) หนึ่ง ที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืน ทั้งช่วยผลักดันสถานการณ์ท่องเที่ยวปี 2565 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย รายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ 160 ล้านคน- ครั้ง สร้างรายได้ 656,000 ล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 10 ล้านคน สร้างรายได้ 625,800 ล้านบาท ดันยอดรายจ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศ เฉลี่ยต่อคน 4,100 บาท และ 62,580 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1672 เพื่อนร่วมทาง 

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว-0628929797 DasKLf.jpg Da2r0R.png DpkFp1.jpg banner1-08.gif Dp1Qd0.png 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ททท. เตรียมจัดงานเฟสติวัลครั้งยิ่งใหญ่ “ใส่ไทย เฟสติวัล” ร่วมผลักดันให้เป็น SOFT POWER ด้านแฟชั่นให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีอีกครั้ง
ขอนแก่นกับงานยักษ์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 งานแถลงข่าว “Plara Morlam Isan to the World’24”
เปิดฉาก! สีฐานเฟสติวัล 2024 ลอยกระทงปีนี้ที่ มข.แบบ “วิถีแห่งอีสาน สีฐานมูเตลู”
“ใส่ไทย เฟสติวัล” SOFT POWER ด้านแฟชั่นยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี เริ่มขึ้นแล้ว
กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม : “4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ชวนย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 9 – 17 พ.ย. 2567
รีบๆเลยก่อนสิทธิ์หมด! ททท. จัดแคมเปญ “แอ่วเหนือ…คนละครึ่ง”