เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ธ.ค.2562 ที่ บ.โนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่พบปะและสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) แล้วเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้รับทราบหลักเกณฑ์ รูปแบบการซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งวิสาหกิจชุมชนสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมจัดตั้งได้หากมีองค์ประกอบเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ โดยจะมีคณะกรรมการบริหารการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานเป็นผู้พิจารณาอนุมัติโครงการ และบริหารจัดการ ตลอดจนกำกับดูแลให้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

” โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ปริมาณไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ (MW) เป็นโรงไฟฟ้าประเภท Non Firm ที่สามารถใช้ระบบกักเก็บพลังงานร่วมด้วยได้ จะเปิดรับซื้อในปี 2563 ปริมาณ 700 MW และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์สำหรับกรณีโรงไฟฟ้าแบบ Quick Win คือโรงไฟฟ้าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จหรือใกล้แล้วเสร็จ ไฟฟ้าจะเข้าระบบภายในปี 2563 ส่วนโครงการทั่วไปจะเข้านระบบปี 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้สำหรับรูปแบบการร่วมทุน จะมีกลุ่มผู้เสนอโครงการ ซึ่งอาจเป็นภาคเอกชนเข้าร่วมกับองค์กรภาครัฐก็ได้ จะถือในสัดส่วน 60 – 90% และอีกกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน (สมาชิกไม่น้อยกว่า 200 ครัวเรือน) ถือในสัดส่วน 10 – 40% (เป็นหุ้นบุริมสิทธิไม่น้อยกว่า 10% และเปิดโอกาสให้ซื้อหุ้นเพิ่มได้อีกรวมแล้วไม่เกิน 40%) โดยส่วนแบ่งรายได้ จะให้กองทุนหมู่บ้านที่อยู่ใน พื้นที่พัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่น” ของโรงไฟฟ้านั้นๆ โดย หากเป็น โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) และก๊าซชีวภาพ(พืชพลังงาน) ส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 25 สต./หน่วย และกรณีเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไฮบริด ส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 50 สต./หน่วย ส่วนราคารับซื้อก็อยู่ในอัตราเฉลี่ยประมาณ 3 – 5 บาทต่อหน่วยตามแต่ละประเภทเชื้อเพลิง”

รมว.พลังงาน กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงพลังงานตั้งเป้าสนับสนุนให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าในปี 2563 นี้จะสามารถรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าชุมชนทั่วประเทศได้ราว 700 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมีส่วนให้ชุมชนมีรายได้จากการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าฯ ลดภาระค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ลดการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน เกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในชุมชน สามารถนำไฟฟ้าที่ผลิตได้ไปสร้างมูลค่าเพิ่มในการประกอบอาชีพของชุมชนได้อย่างยั่งยืน

