วันพุธ, 27 พฤศจิกายน 2567

รมว.ท่องเที่ยว จับมือ กระทรวงสาธารณสุข สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศจุดยืน “เมืองไทยปลอดภัย” พร้อมสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ กรณีมาเที่ยวไทยแล้วประสบเหตุ รัฐบาลดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ในวงเงิน 5 แสนบาท กรณีสูญเสียอวัยวะถาวร สูญเสียดวงตา ทุพพลภาพถาวร 300,000 บาท และชดเชยกรณีเสียชีวิต วงเงิน 1 ล้านบาท

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาขอใช้โอกาสวันวาเลนไทน์ ประชาสัมพันธ์การส่งมอบความรักความห่วงใยไปยังนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ด้วยโครงการ “ช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่บาดเจ็บและเสียชีวิต” เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่า “เมืองไทยปลอดภัย” เดินทางมาท่องเที่ยวแล้วทุกคนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาใช้จ่ายงบประมาณ รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 50 ล้านบาทในการดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประสบเหตุในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 สิงหาคม 2567 ทั้งในกรณีเกิดอุบัติเหตุ อาชญากรรม และภัยด้านอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม เหตุดังกล่าวต้องไม่ได้เกิดจากความประมาท เจตนากระทำผิดกฎหมาย หรือมีพฤติการณ์ที่เสี่ยงให้เกิดเหตุนั้นของนักท่องเที่ยว โดยมีอัตราชดเชยกรณีเสียชีวิต ไม่เกิน 1 ล้านบาท กรณีสูญเสียอวัยวะถาวร สูญเสียดวงตา ทุพพลภาพถาวร ให้เหมาจ่าย 300,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริงไม่เกิน 500,000 บาท โดยผู้ยื่นคำขอต้องถือหนังสือเดินทางที่ลงตราประเภทนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เพื่อประกอบอาชีพหรือหารายได้  สามารถยื่นคำขอได้ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ตลอดจนทางไปรษณีย์และอีเมล์ที่กำหนด

“โครงการนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่กำหนดเป้าหมายในปี 2567 ว่า สร้างรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 35 ล้านคน นักท่องเที่ยวชาวไทย 205 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงการดูแลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งการอำนวยความสะดวก การดูแลความปลอดภัย เพื่อสร้างความประทับใจตลอดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยากรณีต้องประสบเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิต”

สำหรับกลไกการขับเคลื่อนในพื้นที่เมื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประสบเหตุ หน่วยกู้ภัยจะเข้าพื้นที่เพื่อนำส่งสถานพยาบาล จะมีตำรวจในพื้นที่เป็นผู้ทำสำนวน และเจ้าหน้าที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดติดตามนักท่องเที่ยวไปยังสถานพยาบาลเพื่อตรวจสอบสิทธิการช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น หากเข้าหลักเกณฑ์เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกในการกรอกเอกสารและตรวจสอบเอกสารประกอบ รวมทั้งช่วยจัดส่งเอกสารให้กองมาตรฐานและกำกับความปลอดภัยนักท่องเที่ยวผ่านทางอีเมล์ภายใน 24 ชั่วโมง

นายมงคล วิมลรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดทำระบบ Thailand Traveller Safety หรือ TTS เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้เดินทางชาวต่างชาติ (Non Thais Residents) สามารถลงทะเบียนออนไลน์ก่อนการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยใช้หนังสือเดินทางที่ตรวจลงตราโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราก็ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวเช่นกัน ซึ่งระบบ TTS จะช่วยสนับสนุนการดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มีสิทธิขอรับการช่วยเหลือเยียวยาได้ในเบื้องต้น โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบสิทธิได้ ทั้งนี้กระทรวงฯ มีความตระหนักถึงความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้นการจัดเก็บข้อมูลจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลทุกครั้ง

เรืออากาศเอก นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า สพฉ. ได้เสนอให้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่เกิดจากการท่องเที่ยว (Tourist Emergency Medical Assistance Center: TEMAC) เพื่อเป็นศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในด้านการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center: TAC) โดยเมื่อนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถประสานผ่านศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center: TAC)  หรือตำรวจท่องเที่ยวหมายเลข 1155 หรือประสานผ่านเลขหมาย 1669 โดยจะมีการตรวจสอบสิทธิของนักท่องเที่ยว และนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการดูแลและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว การปฏิบัติการฉุกเฉินและบูรณาการความรู้ของแต่ละฝ่าย ให้มีความพร้อมในการให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ให้ได้รับการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่รวดเร็ว มีคุณภาพ และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานระดับประเทศและสากล โดยตระหนักถึงประโยชน์สูงสุดของนักท่องเที่ยว ให้ได้รับบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ทั้งในภาวะปกติและภาวะสาธารณภัย

พล.ต.ท. ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยถึงภารกิจของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวที่จะร่วมสร้างความอบอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในด้านการดูแลความปลอดภัย โดยมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว และการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว (Command and Control Operation Center : CCOC) และโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.) ซึ่งประยุกต์มาจากแนวทางการดำเนินการโครงการ Smart Safety Zone รวมถึงจะเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การปราบปรามการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และแก้ไขปัญหาการหลอกลวง เพื่อร่วมกันสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อันจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย

ที่มาข่าว / https://www.tatnewsthai.org/news_detail.php?newsID=5583

ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว/สนใจลงโฆษณาติดต่อ นิตยา สุวรรณสิทธิ์ -0628929797 7003315842a3e5554.jpeg < tz01.jpeg 2_07b2fa84021c11013.jpeg sm02.jpeg banner1-08.gif Dp1Qd0.png green-white-background06.jpeg 2wk8Dt.jpg 2wcwIv.jpg cropped-kk0012-scaled-3.jpeg ลิงค์สำรองการฟังวิทยุออนไลน์ FM101.MHZ radio20766.gif

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ททท. เตรียมจัดงานเฟสติวัลครั้งยิ่งใหญ่ “ใส่ไทย เฟสติวัล” ร่วมผลักดันให้เป็น SOFT POWER ด้านแฟชั่นให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีอีกครั้ง
ขอนแก่นกับงานยักษ์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 งานแถลงข่าว “Plara Morlam Isan to the World’24”
เปิดฉาก! สีฐานเฟสติวัล 2024 ลอยกระทงปีนี้ที่ มข.แบบ “วิถีแห่งอีสาน สีฐานมูเตลู”
“ใส่ไทย เฟสติวัล” SOFT POWER ด้านแฟชั่นยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี เริ่มขึ้นแล้ว
กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม : “4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ชวนย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 9 – 17 พ.ย. 2567
รีบๆเลยก่อนสิทธิ์หมด! ททท. จัดแคมเปญ “แอ่วเหนือ…คนละครึ่ง”